ทัวร์ยุโรป สเปน ฝรั่งเศส บาร์เซโลนา อันดอร์รา ริเวียร่า ลาเวนเดอร์ 10 วัน 7 คืน สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์

18.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน เอมิเรสต์ แอร์ไลน์ส (EK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
21.00 น. ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยเที่ยวบิน EK373 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
00.50 น. เดินทางถึงดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน EK255 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
03.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) สู่สนามบินบาร์เซโลนา (BCN) บริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 7.10 ชม.)
08.35 น. เดินทางถึงสนามบินบาร์เซโลนา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองวิก (Vic) (ระยะทาง 69 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นอีกเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในแคว้นคาตาลุญญ่า (Catalonia) ของสเปน เมืองนี้เคยถูกโรมันปกครองก่อนที่จะถูกแขกมัวร์เค้ามายึดครองในสมัยศตวรรษที่ 8-9 เรียกได้ว่าเป็นเมืองเก่าแก่โบราณที่มีการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือน และสถาปัตกรรมตั้งแต่ยุคโรมัน จนถึงยุคที่มุสลิมเข้ายึดครอง และเปลี่ยนสู่ยุคที่ศาสนาคริสต์เข้ามามีอิทธิพลอีกครั้ง
นำท่านเที่ยวชมเมืองเก่า (Old Town) นำท่านเที่ยวชมจัตุรัสมายอร์ หรือ พลาซามายอร์ (Plaza Major) จัตุรัสใจกลางเมืองเก่าที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของอาคารบ้านเรือนยุคโบราณที่เลอค่ายิ่ง
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับอาคารโรมันโบราณ (Templo Romano De Vic) ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์แบบได้จนถึงปัจจุบัน
ได้เวลานำท่านถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ลาบัต เอ วิก (Labat A Vic)
นำท่านเที่ยวชมเมือง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองโบราณแห่งนี้ได้ตามอัธยาศัย
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมือง อันดอร์รา ลา เวยา (Andorra La Vella) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งประเทศอันดอร์รา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Roc Blanc Hotel Andorra **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมเมืองอันดอร์รา ลาเวยา (Andorra La Vella) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาพิเรนีส (Pyrenees) ระหว่างประเทศฝรั่งเศส (ทางทิศเหนือ) และสเปน (ทางทิศใต้) ที่ระดับความสูงระหว่าง 838 - 2,946 เมตร โดยมีเมืองหลวงที่ชื่อว่า อันดอร์รา ลา เวยา เมืองนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาพิเรนีส โดยมีแม่น้ำ Gran Valira ไหลผ่านตัวเมือง นอกจากนี้แล้วเมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สูงที่สุดของยุโรปอีกด้วย ตัวเมืองหลวงนั้นจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะอยู่ทางตอนเหนือ ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์ ส่วนทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ซึ่งอยู่ในย่านที่ใกล้กับแม่น้ำ Gran Valira จะเป็นเมืองเก่า สถานที่ราชการ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ
นำท่านชมโบสถ์ Sant Esteve (Sant Esteve's church) โบสถ์เก่าแก่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันกับอาคารรัฐสภาของอันดอร์รา
จากนั้นนำท่านชมสะพาน la Margineda (Bridge of la Margineda) เป็นสะพานหินที่สร้างขึ้นในยุคกลาง มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมัน และยังถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานมาแล้ว โดยสะพานแห่งนี้ได้สร้างขึ้นเหนือ แม่น้ำ Gran Valira ซึ่งเบื้องล่างเป็นสายน้ำที่ค่อนข้างเชี่ยวกราก
จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสกลางกรุงอันดอร์รา ลา เวยา (The town square) ตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพของหุบเขา ที่ห้อมล้อมเมืองหลวงแห่งนี้เอาไว้อย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับหุบเขามาดริอู-เปราฟิตา-คลารอร์ (Madriu-Perafita-Claror Valley) หุบเขาที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี 2004
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองแปร์ปิยอง (Perpignan) (ระยะทาง 164 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) อดีตเมืองหลวงของแคว้นมาร์ยอก้าแห่งดินแดนคาร์ตาลันในช่วงศตวรรษที่ 13-14 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเช่นกัน
นำท่านเข้าชมพระราชวังแห่งกษัตริย์นครมาจอร์ก้า (Palace of the Kings of Majorca) เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นแบบโกธิคสไตล์ช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์เจมส์ที่สองแห่งมาจอร์ก้า โดยจุดประสงค์สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการในการป้องกันข้าศึก ในพระราชวังยังมีโบสถ์อยู่ภายในป้อมปราการอีกสองโบสถ์ด้วยกัน คือโบสถ์ของราชินีและโบสถ์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารแปร์ปิยอง หรือวิหารแห่งเซนต์จอห์นเดอะแบ๊ปติส (Cathedral of St.Jean Baptiste) สถาปัตยกรรมโกธิคแบบเมริเดียนัลตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 เครื่องเรือนและเครื่องตกแต่งภายในมหาวิหารมีความวิจิตรอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระแท่นบูชาเอก (เป็นงานสมัยศตวรรษที่ 16 - 19 พร้อมประวัติศาสตร์อันยาวนาน) ออแกน (สร้างราวปี ค.ศ. 1504 พร้อมงานลงสีและตกแต่งด้วย) งานกระจกสีแบบนีโอโกธิค (งานสมัยกลางศตวรรษที่ 19) และที่สำคัญคือ พระเยซูตรึงไม้กางเขน (งานไม้แกะสลักสมัยศตวรรษที่ 14) ซึ่งตั้งอยู่ในชาเปลที่ใช้ชื่อเดียวกัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mercure Hotel Perpignan **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองการ์กาสซอนน์ (Carcassonne) (ระยะทาง 115 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง) อีกเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของแคว้นล็องก์ดอค-รูซียง และยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนโรมัน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองป้อมปราการยุคกลางที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส สำหรับเมืองการ์กาสซอนน์นั้นถูกแยกออกเป็นสองส่วน “Cité de Carcassonne” ซึ่งเป็นส่วนเมืองเก่าที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง และ “Ville basse” ส่วนที่เป็นเมืองใหม่เป็นบริเวณปริมณฑลรอบตัวเมืองเก่า
นำท่านเข้าชมป้อมปราการการ์กาสซอนน์ (Fortress of Carcassonne) ป้อมปราการยุคกลางที่โดดเด่น ซึ่งภายในป้อมปราการนั้นประกอบไปด้วยถนนและโบสถ์สมัยโกธิค ซึ่งอยู่เขตของกำแพงขนาดใหญ่จำนวนสองชั้นและหอ 53 หอ เพื่อล้อมรอบปราสาทและอาคารโดยรอบกำแพง
จากนั้นนำท่านเข้าชมปราสาทการ์กาสซอนน์ (Carcassonne Castle) เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ภายในรั้วกำแพงเมือง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการ์กาสซอนน์ยุคกลาง ซึ่งต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 อิสระให้ท่านได้ดื่มด่ำและเก็บภาพปราสาทยุคกลางที่ยังคงสภาพได้อย่างสมบูรณ์มาก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองนาร์บอนน์ (Narbonne) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) เมืองที่มีเสน่ห์ติดทางทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคโรมัน ริมฝั่ง มหาสมุทรแอตแลนติก (Atlanctic Ocean) และเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญในอดีตก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 118 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงเวลาการวางรากฐานอาณานิคม บริเวณเชื่อมต่อของประเทศสเปนและอิตาลี ภูมิศาสตร์ของเมืองนาร์บอนน์จึงนับได้ว่าอยู่ในที่ตั้งสำคัญมาก
นำท่านเข้าชมอารามฟ็องฟรอยด์ (Fonfroide abbey) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1093 เดิมเป็นโบสถ์เก่าในอดีตที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดงานและนิทรรศการต่างๆ และภายในสวนก็มีการจัดไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงามตามฤดูกาลอีกด้วย นำท่านเข้าชมความสวยงามยิ่งใหญ่ของอารามที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 11 อิสระให้ท่านเก็บภาพตามอัธยาศัย
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองมองต์เปอลิเยร์ (Montpelier) (ระยะทาง 94 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Crowne Plaza Montpellier Corum Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินเที่ยวชมเมืองมองต์เปอลิเยร์ (Montpelier) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศฝรั่งเศส และยังเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมาของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมองต์เปอลิเยร์ (Montpellier University) อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย
นำท่านชมพลาซา เดอลา คอมเมดี (Place de la Comedie) จตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง บริเวณโดยรอบจตุรัสประกอบด้วยเหล่าอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ส่วนใจกลางจตุรัสนั้นเป็นที่ตั้งของลานน้ำพุขนาดใหญ่ หรือที่มักเรียกกันว่า Three Graces
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ประตูชัยฝรั่งเศส (Porte du Peyrou) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของสวนรุกขชาติและสวนพฤกษศาสตร์ Jardin des plantes โดยซุ้มประตูออกแบบโดย Francois Dorbay การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1693 สถาปัตยกรรมการตกแต่งตามซุ้มประตูได้จารึกเหตุการณ์สำคัญจากรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ได้เวลานำท่านแวะชม มหาวิหารมองต์เปอลีเยร์ (The Cathedral of St.Pierre) มหาวิหารตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่ในแบบสถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่โตที่สุดในเมืองมองต์เปอลีเยร์ และเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นล็องก์ด็อก-รูซียงอีกด้วย มหาวิหารมองต์เปอลีเยร์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1906
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำกรอต เดสเดมัวเซย์ (Grotte des Desmoiselles) (ระยะทาง 45 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) ถ้ำลึกลับขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ตำนานการค้นพบถ้ำแห่งนี้ ถูกเล่าต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นว่า ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยชายเลี้ยงแกะ ซึ่งได้ตามหาแกะซึ่งพลัดหลงจากฝูงไป จนกระทั่งพลัดตกลงไปในถ้ำอันมืดมิดความสูงกว่า 60 เมตร และหมดสติไป และได้มีนิมิตรเห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเต้นระบำรอบตัวเขา ชายผู้นั้นรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเขากลับออกมาอยู่นอกถ้ำแล้วพร้อมกับแกะที่หายไป จึงได้ตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้ตามภาษาท้องถิ่นว่า ถ้ำแห่งเทพธิดากรอตโต้ หรือถ้ำแห่งนางฟ้ากรอตโต้ และนับจากปี ค.ศ.1931 ถ้ำนี้ได้ถูกติดตั้งระบบรถรางแล้วระบบไฟส่องสว่าง และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมจนกระทั่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของภูมิภาคนี้ นำท่านเข้าชมถ้ำหินงอกหินย้อยอันน่าพิศวง ภายในตัวถ้ำจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีราว 14 องศาเซลเซียส ชมหินงอกหินย้อยที่ถูกสรรค์สร้างจากธรรมชาติได้อย่างลงตัวและงดงาม
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองนีมส์ (Nimes) (ระยะทาง 64 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี นับตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันเป็นต้นมา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักอีกแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก C Suite Hotel Nims / Novotel Centre Atria Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมเมืองนีมส์ (Nims) ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งมีความเก่าแก่ย้อนไปถึงยุคโรมัน นอกจากนี้เมืองนีมส์ยังเป็นที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์สำหรับสิ่งทอ
นำท่านชม 3 โบราณสถานที่สำคัญแห่งเมืองนีมส์ คือ อัฒจันทร์แบบโรมันโบราณ (Arena), วิหารโรมัน (Maison Caree) และหอคอยมาญ (Tour Magne) ซึ่งสถานที่ทั้งสามยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จนเมืองนีมส์ได้ถูกเรียกเป็น"กรุงโรมแห่งฝรั่งเศส" เลยทีเดียว
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเรอมูแลงส์ (Remoulins) (ระยะทาง 23 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองเล็กๆ ในจังหวัดการ์ แคว้นล็องก์ด็อก-รูซียง ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับสะพานโรมันปงดูว์การ์ (Pont du Gard) สะพานส่งน้ำโรมันโบราณสร้างโดยจักรวรรดิโรมัน สร้างพาดผ่านแม่น้ำการ์ดง เป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งน้ำของเมืองนีมส์ มีความยาวกว่า 50 กิโลเมตร เพื่อส่งน้ำจากจากเมืองอูว์แซ็ส นักประวัติศาสตร์คาดการณ์ว่าสะพานถูกสร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 โดยสะพานแห่งนี้จัดเป็นสะพานส่งน้ำที่สร้างในสมัยจักรวรรดิโรมันที่ยังคงสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง รองจากสะพานส่งน้ำแห่งเซโกเบีย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1985 โดยองค์การยูเนสโก
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองมาร์กเซย์ (Marseille) (ระยะทาง 126 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง)
นำท่านเข้าชมโบสถ์นอทเทอดาม เดอลาการ์ด (Basilique Notre-Dame de la Garde) ตั้งอยู่บนยอดเขา โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นอย่างงดงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีรูปพระแม่มารีเป็นองค์ประธาน เล่ากันว่าในสมัยก่อนคนแถบนี้มักมาขอพรกับพระนางเพื่อให้การเดินเรือปลอดภัย และเมื่อเดินเรือปลอดภัยกลับมาแล้วก็มักจะนำเอาเครื่องแขวนมาเป็นของแก้บน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางเทศบาลเมืองได้ปรับปรุงให้สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานอันศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองมาร์กเซย์
ได้เวลานำท่านเที่ยวชมบริเวณเมืองเก่า (Old town) และท่าเรือที่มีเรือยอร์ชนับร้อยลำจอดเรียงรายนับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mercure Marseille Hotel / Pullman Marseille Provence Hotel**** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองซีนองค์ (Senanque) เพื่อชมทุ่งลาเวนเดอร์ (ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) นำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับโบสถ์นอเทรอดาม เดอ ซีนองค์ (Notre Dame De Senanque) ซึ่งบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยทุ่งลาเวนเดอร์
นำท่านชม ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่กว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจหรือเลือกซื้อสินค้าแปรรูปจากดอกลาเวนเดอร์ได้ตามอัธยาศัย (หากช่วงที่ไม่มีลาเวนเดอร์ จะนำท่านเที่ยวชมเมืองซีนองค์แทน)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองตูลง (Toulon) (ระยะทาง 68 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองท่าทางทะเลและฐานทัพเรือที่สำคัญของฝรั่งเศสในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอู่เรือและคลังแสงของกองทัพเรือ นอกจากอุตสาหกรรมหลักของเมืองซึ่งทำการต่อเรือแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การประมง การผลิตเหล้าองุ่น โรงงานกระดาษ โรงงานยาสูบ ฯลฯ
ได้เวลานำท่านเที่ยวชมเมืองเก่า และ ถ่ายรูปกับจัตุรัสใจกลางเมือง (Place de la liberte) จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์นักเดินเรือคนสำคัญ Genie De Navigation และโอเปร่าเฮาส์แห่งเมืองตูลง อิสระให้ท่านได้เดินเล่นในเมืองที่สวยงามติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ตามอัธยาศัย
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองนีซ (ระยะทาง 149 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mercure Nice Center Gimaldi **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่โมนาโค (Monaco) เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่บริเวณเฟรนช์ริเวียราทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศเอกราชที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
นำท่านเที่ยวชม Monte-carlo ย่านใจกลางเมือง คาสิโนชื่อดังระดับโลก และโรงละครโอเปร่า Casino de Monte-Carlo เป็นคาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลกของประเทศโมนาโก (Monaco) ตั้งอยู่ใน Place du Casino รายล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพง รวมถึงรถยนต์สุดหรูหลายคันที่จอดอยู่ด้านหน้าคาสิโน
จากนั้นนำท่านเข้าชม Saint Nicholas Cathedral เป็นเหมือนอัญมณีล้ำค่าและความมั่งคั่งทางศิลปะมีอายุย้อนกลับไปกว่า 500 ปีที่ซ่อนอยู่ในภายอาสน์วิหาร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2418-2454 จากหินสีขาว La turbie ด้านในมีสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของโบสถ์แบบโรมันไบแซนไทน์ มีแท่นบูชาสูงอันงดงามและบัลลังก์ของสังฆราชที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาว Carrara มีอายุตั้งแต่ปี 1500 และยังเป็นที่ฝังศพของเจ้าหญิงเกรซและเจ้าชายไรเนียร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองอองตีบส์ (Antibes) เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองนีซ มีเสน่ห์เย้ายวนของเฟรนช์ริเวียร่า ผสมผสานกับวัฒนธรรมศิลปะที่รุ่งเรืองและประวัติศาสตร์ของกรีกและโรมันที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมืองนี้เริ่มด้วยการเป็นอาณานิคมกรีกที่ชื่อว่าอันติโปลิส ซึ่งในที่สุดได้กลายมาเป็นอาณาจักรโรมัน และการค้ามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของอองตีบส์ แต่ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ยุคสมัยใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น โดยกลายเป็นจุดหมายการพักผ่อนตามแฟชั่นของเหล่าคนดังอย่างเช่น ชาร์ลี แชปปลิน, มาร์ลีน ดีทริช และเอฟ สก็อตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์ นำท่านเที่ยวชมเมืองอองตีบส์ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยพื้นที่ชายหาดชูอานเลแปงส์ อยู่ทางฟากชูอานเลแปงส์ โรงแรมและต้นปาล์มเรียงรายไปตามผืนทรายขาวและผืนน้ำที่อบอุ่น เมื่ออยู่ในพื้นที่นี้
นำท่านแวะถ่ายรูปกับอาคารชูอานเลแปงส์ ปาเลส์เดส์กงเกรส์ ที่มหัศจรรย์เหนือคำบรรยาย ชื่นชมกับการออกแบบที่ทันสมัย โครงสร้างที่เป็นวงรี ระแนงคลุมรูปตาข่าย
จากนั้นนำท่านเข้าชมวิหารอองตีบส์ (Antibes Cathedral) ซึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของตัวเมือง ชื่นชนด้านหน้าอาคารสีแดงสลับขาวสไตล์อิตาเลียน ซึ่งมีอายุย้อนกลับได้ถึงตอนบูรณะปฏิสังขรณ์ในศตวรรษที่ 18
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mercure Nice Center Gimaldi **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมเมืองนีซ (Nice) เขตเมืองเก่าของนีซ หรือเรียกกันในภาษาฝรั่งเศสว่า “Vieille Ville” ย่านนี้จะกินบริเวณระหว่างจตุรัส Place Masséna และท่าเรือของเมือง บริเวณนี้มีความสวยงามเนื่องจากมีหมู่อาคารโบราณของเมืองนีซ และ จตุรัส Place Masséna เป็นจัตุรัสสไตล์นีโอคลาสสิค ที่สร้างขึ้นในระหว่างปี 1820 และ 1830 อาคารสวยงามล้อมรอบจัตุรัสเหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนเป็นอย่างมาก
นำท่านชม Avenue Jean Médecin ยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหาร Notre-Dame de l’Assomption สไตล์โกธิคที่มีการประดับตกแต่งด้วยไฟอย่างสวยงามอีกด้วย จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Musee d Art Moderne พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่มักจะมีผลงานประติมากรรมแปลกๆมาจัดแสดงด้านหน้า ให้คนได้แวะเวียนชมและถ่ายรูป
12.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินนีซ (NCE) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
อิสระอาหารกลางวันในสนามบินตามอัธยาศัย
15.55 น. ออกเดินทางจากสนามบินนีซกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK078 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชั่วโมง) บริการ อาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน
00.10 น. เดินทางมาถึงดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.45 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ EK376 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารบนเครื่องบิน
13.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
กำหนดการ : 20-30 มิ.ย. , 15-25 ก.ค. , 10-20 ส.ค. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 149,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 149,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 143,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 143,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 149,900 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 149,900 | - |
เดือนมิถุนายน 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
149,900 | 149,900 | 149,900 | 149,900 | 143,900 | 143,900 |
เดือนกรกฎาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
149,900 | 149,900 | 149,900 | 149,900 | 143,900 | 143,900 |
เดือนสิงหาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
149,900 | 149,900 | 149,900 | 149,900 | 143,900 | 143,900 |