ทัวร์ยุโรป มอลต้า ซิซิลี มหาวิหารมอนเรอาเล พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ ป้อมปราการวิคตอเรีย 8 วัน 5 คืน สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์

19.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน U ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
22.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.30 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างบิน
05.15 น. เดินทางถึงสนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
06.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินปาแลร์โม ฟัลโคน-บอร์เซลลิโน (PMO) ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK1373 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.35 ชม.)
08.20 น. เดินทางถึงสนามบินฟัลโคน-บอร์เซลลิโน (PMO) ประเทศอิตาลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมืองปาแลร์โม (Palermo) (ระยะทาง 31 กม. ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที) เป็นเมืองเก่าทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และเป็นเมืองหลักของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ปลายรองเท้าบูทของอิตาลี มีประวัติต่อเนื่องยาวนานกว่า 4,000 ปี
นำท่านเดินทางเข้าชมพระราชวังนอร์มัน (Palazzo dei Normanni) เป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมนอร์มันที่งดงามที่สุดในโลก อาคารเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในปาแลร์โม สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 โดยประมุขแห่งปาแลร์โม ต่อมาได้รับการขยายและปรับปรุงโดยชาวนอร์มันหลังจากที่พวกเขายึดครองซิซิลีในปี 1072 พระราชวังแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นที่ประทับของกษัตริย์นอร์มัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรเจอร์ที่ 2 ความงามและความสำคัญของพระราชวังไม่เพียงแต่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สะท้อนถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของชาวนอร์มัน อาหรับ และไบแซนไทน์ และเป็นที่ตั้งของทั้งสภาภูมิภาคซิซิลีและพิพิธภัณฑ์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปโบสถ์ปาลาไทน์ (Cappella Palatina) โบสถ์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 พระราชาซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีฐานะล่ำซำที่สุดในยุโรป โดยโบสถ์นี้ยังถือเป็นต้นแบบของวิหาร Monreale ที่สร้างขึ้นในอีก 40 ปีให้หลังด้วย หลังคาโดมประดับด้วยโมเสคทองรูปพระเยซู และเทวดาทั้งแปด เป็นโบสถ์เก่าแก่ในพระราชวัง Palazzo dei Normanni แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องภาพวาดและภาพโมเสคอันงามวิจิตรจากยุคไบแซนไทน์
จากนั้นนำท่านเดินทางชมน้ำพุ Fontana della Vergogna น้ำพุแกะสลักสไตล์เรเนอซองส์ เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน Piazza Pretoria ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของปาแลร์โม แคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี น้ำพุนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนจัตุรัสทางปีกตะวันตกของโบสถ์ซานตากาเตรินา และอยู่ห่างจากทางแยกของ Quattro Canti ไปทางทิศใต้หนึ่งช่วงตึก น้ำพุแห่งนี้เดิมสร้างขึ้นในปี 1544 ในฟลอเรนซ์โดย Francesco Camilliani แต่ถูกขาย โอน และประกอบขึ้นใหม่ในเมืองปาแลร์โมในปี 1574
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารมอนเรอาเล (Monreale Duomo) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์แห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นโดยกษัตริย์วิลเลียมที่ 2 ผู้ปกครองดินแดนซิซิลี ในช่วงปี ค.ศ. 1060 ภายในวิหารท่านจะได้พบกับความอลังการที่ประดับด้วยโมเสคทองคำ ซึ่งแสดงถึงฉากในคัมภีร์ไบเบิลและเหตุการณ์สำคัญทางศาสนา ทัวร์อาคารสไตล์นอร์มันสมัยศตวรรษที่ 12 เพื่อชมการตกแต่งที่หรูหรา ชมสุสานของกษัตริย์ และเดินเล่นท่ามกลางเสาและวิหารคดแกะสลัก โมเสกบนผนังและเพดานนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และ 13 ใช้ทองคำมากกว่า 2,200 กิโลกรัม นับเป็นโบสถ์โมเสคที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากโบสถ์เซนต์โซเฟียที่ตุรกี และที่น่าอัศจรรย์คือ โมเสคที่เห็นทั้งหมดนี้ใช้เวลาสร้างแค่ 8 ปีเท่านั้น
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองปาแลร์โม (Palermo) เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป จึงตกเป็นเป้าหมายของการยึดครองจากชนชาติที่มีอำนาจเข้มแข็งในช่วงเวลาต่างๆ เริ่มตั้งแต่กรีก โรมัน คาร์เทธ อาหรับ นอร์มัง เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน แต่ละชาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาปกครองดินแดนนี้ ขณะเดียวกันก็ได้นำเอาศิลปวัฒนธรรมของตนเข้ามาด้วย เกาะนี้จึงมีสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมผสานกันหากแต่ลงตัว นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยความงามทางธรรมชาติ ของทั้งชายหาด ทะเล และภูเขาไฟ ด้วยความที่อยู่ห่างไกล ท่านจะสามารถสัมผัสถึงความเป็นอิตาเลียนดั้งเดิม อย่างที่หาไม่พบอีกแล้วตามเมืองใหญ่ในอิตาลีภาคพื้นทวีป
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH Palermo Hotel/ Mercure Palermo Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซฟาลู (Cefalu) (ระยะทาง 66 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะซิซิลี ในจังหวัดปาแลร์โม ตั้งอยู่เชิงเขาแหลมสูง 376 เมตร เลียบทะเลติร์เรเนียน ทางตะวันออกของเมืองปาแลร์โม เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีหาดทรายที่สวยงาม ทอดผ่านบ้านเรือนริมชายหาด ที่สร้างไล่ระดับขึ้นไปตามแนวเขา นับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะซิลี
นำท่านเดินทางชมย่านเมืองเก่า (Old Town) เมืองเก่าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก มีถนนสายหลักที่สวยงาม จัตุรัสหลักที่น่าประทับใจ (และมหาวิหาร) ท่าเรือที่มีเสน่ห์และชายหาดหลัก ซึ่งตั้งอยู่ติดกับกำแพงเมืองเก่า เต็มไปด้วยคนในท้องถิ่น นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี และนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ
จากนั้นนำท่านเดินทางชมอาสนวิหารเซฟาลู (Duomo di Cefalu) เป็นมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกในเมืองเซฟาลู สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1131 ถึงปี ค.ศ. 1240 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมนอร์มัน อาคารหลังนี้มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ และเมื่อมองจากระยะไกล ก็ตั้งตระหง่านเหนือเส้นขอบฟ้าของเมืองยุคกลางที่รายล้อมอยู่ เป็นการประกาศถึงการมีอยู่ของนอร์มันอย่างทรงพลัง นำท่านแวะถ่ายรูปกับชายหาด เซฟาลู อันเป็นอีกหนึ่งชายหาดที่สวยงาม และติดอันดับของเกาะซิซิลี อิสระให้เก็บภาพความประทับใจบริเวณชายหาด ตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเมสซีนา (Messina) (ระยะทาง 167 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.10 ชม.) เป็นเมืองหลวงของมหานครแห่งเมสซีนา (Metropolitan City of Messina) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 บนเกาะซิซิลี และใหญ่เป็นอันดับ 13 ของประเทศ ตั้งอยู่ใกล้มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือของซิซิลี บริเวณช่องแคบเมสซีนา ตรงข้ามกับเมืองวิลลาซานโจวันนีบนแผ่นดินใหญ่
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางชมหอระฆังและนาฬิกาดาราศาสตร์ (Bell Tower and Astronomical Clock) หอระฆังที่อยู่ติดกับมหาวิหารและมีความสูงถึง 60 เมตร มีชื่อเสียงในด้านนาฬิกาจักรกลและดาราศาสตร์ โดยมี 'ตัวเลข' ที่จะเปิดใช้งานตอนเที่ยงวันและเคลื่อนไหวและแสดงฉากจากประวัติศาสตร์ของเมสซีนา หอระฆังถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 หอคอยเก่าได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ในปี 1559 ได้รับการบูรณะใหม่ จากนั้นก็พังทลายลงเนื่องจากแผ่นดินไหวในปี 1783 หากท่านอยู่ที่ Piazza Immacolata di Marmo ท่านจะได้รับชมความน่าตื่นตาตื่นใจของนาฬิกาดาราศาสตร์บนหอระฆัง หอระฆังเมสซีนามีนาฬิกาดาราศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดในโลก นาฬิกาแอนิเมชั่นนี้ประกาศให้เมืองรู้ว่าถึงเวลาเที่ยงด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา โดยมีสิงโตคำรามและไก่ขันที่ดัง จากนั้นดนตรีและรูปปั้นก็เคลื่อนไหวไปรอบๆ และแสดงเรื่องราว มันถูกสร้างขึ้นในระดับต่างๆ ของหอคอย การแสดงใช้เวลาประมาณ 10 นาที
นำท่านเดินทางชมเมืองเก่าเมสซีนา (Messina Old Town)
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับน้ำพุโอไรออน (Fontana di Orione) เป็นน้ำพุที่ยิ่งใหญ่ในเมสซีนา สร้างขึ้นโดย Giovanni Angelo Montorsoli ย้อนหลังไปถึงปี 1553 และสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับ Domenico Vanello โดยตั้งอยู่ใน Piazza Duomo เบอร์นาร์ด เบเรนสัน นักประวัติศาสตร์ศิลปะให้คำจำกัดความไว้ว่าเป็น “น้ำพุที่สวยที่สุดแห่งศตวรรษที่ 16 ของยุโรป” สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่กลุ่มดาวนายพราน เทพนักล่าชาวกรีกในตำนานที่ว่ากันว่าเป็นผู้ก่อตั้งเมสซีนา
จากนั้นนำท่านเดินทางชมอนุสาวรีย์มาดอนนินา เดล ปอร์โต (Madonnina del Porto monument) เป็นรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในท่าเรือเมสซีนา ซึ่งเป็นตัวแทนของมาดอนน่า เดลลา เลเทรา นักบุญอุปถัมภ์ของเมสซีนา ผู้มีความจงรักภักดีซึ่งมีรากฐานมาจากตำนานโบราณและประเพณีที่ได้รับความนิยม มาดอนนินา เดล ปอร์โตเป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญสำหรับลูกเรือที่เข้าและออกจากท่าเรือเมสซีนา มากจนถือเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมของเมืองนี้ สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 มีรูปปั้นปิดทองของพระแม่มารีย์ถือจดหมายอยู่ ที่ฐานของศิลามีคำจารึกภาษาละตินว่า 'Vos et ipsam civitatem benedicimus' (เราอวยพรคุณและเมือง) เสาหินนี้ตั้งตระหง่านเหนือท่าเรือเมสซีนา ทำหน้าที่เป็นสัญญาณทางจิตวิญญาณสำหรับกะลาสีเรือ และเป็นสัญลักษณ์ของการต้อนรับผู้ที่เดินทางมาทางทะเล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารญี่ปุ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Royal Palace Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองทอร์มินา (Toarmina) (ระยะทาง 55 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.) เมืองตั้งอยู่บนเนินเขาชายทะเลงดงามดังภาพวาด ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟเอ็ดน่า ที่ยังคุกรุ่นอยู่ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดบนเกาะ ซิซิลี
นำท่านเดินทางเข้าชมโรงละครกรีก (Toarmina Amphitheater) สร้างขึ้นครั้งแรกโดยชาวกรีกในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นใหม่และขยายโดยชาวโรมัน เป็นโรงละครกรีกที่ตั้งอยู่บนจุดที่ดีที่สุดในบรรดาโรงละครกรีกทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก ด้านหลังเป็นวิวของเมืองทอร์มิน่าบนไหล่เขา ทะเลไอโอเนียน และภูเขาไฟเอ็ดน่า โรงละครกรีกแห่งนี้ยังคงถูกใช้งานในช่วงฤดูร้อน โดยเป็นหนึ่งในสถานที่จัดเทศกาลงานศิลปะนานาชาติของเมืองที่มีชื่อว่า ทอร์มิน่า อาร์เต้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางขึ้นเคเบิลคาร์สู่ภูเขาเอตนา (Mount Etna Cable Car) (ระยะทาง 57 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.20 ชม.) ตั้งอยู่บนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ห่างจากเมืองกาตาเนียเพียง 29 กิโลเมตร เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 3,323 เมตร วัดฐานโดยรอบได้ 150 กิโลเมตรบนยอดมีหิมะปกคลุมปีละเก้าเดือน
นำท่านแวะถ่ายภาพบนจุดชมวิว (Mount Etna View point) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพที่ระลึกบนยอดเขาแห่งนี้ ตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคาตาเนีย (Catania) (ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลไอโอเนียน ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล คาตาเนียเป็นที่รู้จักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1169 และ ค.ศ. 1693 มีการปะทุของภูเขาไฟที่เกิดจากภูเขาไฟเอตนา มีเหตุรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1669 และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอิตาลี เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และการเมือง เมืองมีความอุดมสมบูรณ์ด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ มีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร โบสถ์ สวนสาธารณะ และโรงละครหลายแห่ง กาตาเนียยังขึ้นชื่อด้านอาหารริมทาง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel NH Catania Centro **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่เมืองปอซซาโล (Pozzallo) (ระยะทาง 117 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) เพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ ข้ามสู่เกาะมอลต้า
10.00 น. เรือเฟอร์รี่ออกจากท่าเรือ มุ่งหน้าสู่เกาะมอลต้า
11.45 น. เรือเฟอร์รี่เดินทางถึงมอลต้า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองวัลเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของมอลต้า ล้อมรอบไปด้วยกำแพงเมือง ป้อมปราการโบราณขนาดใหญ่ อาคารเก่าแก่สวยงามสมบูรณ์ เมืองวัลเลตตาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1980 ซึ่งชื่อของเมืองตั้งตามชื่อของ Jean Parisot De La Valetta ผู้สามารถป้องกันการรุกรานเกาะมอลต้า จากออตโตมานในปี 1565
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชมวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Cathedral) เป็นอาสนวิหารร่วมคาทอลิกในเมืองวัลเลตตา ประเทศมอลตา ซึ่งอุทิศให้กับนักบุญยอห์นเดอะแบปติสต์ สร้างโดยอัศวินเซนต์จอห์น เพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือการ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิก และศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูปกับพระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ถือครองโดย อุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลต้า นาม ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลต้าภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 และในปัจจุบันถูกใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลต้า สถานที่ทำงานของประธานาธิบดีแห่งมอลต้า ภายในตัวอาคารตกแต่งแบบนิโอคลาสสิค และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในบางส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ สำหรับจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ และยุทโธปกรณ์ของอัศวินในอดีต
นำท่านเดินทางชมจัตุรัสอิสรภาพ (Freedom Square) เป็นอนุสรณ์สถานในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมคอมมิวนิสต์มากกว่าการสะท้อนถึงสไตล์และโทนสีของเกาะเมดิเตอร์เรเนียน ได้หายไปนานแล้ว และอาคารรัฐสภาอันทะเยอทะยานยืนอยู่แทน สิ่งนี้ครอบงำพื้นที่เปิดโล่งเล็กๆ ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อจัตุรัสฟรีดอม ซึ่งอยู่ภายในประตูเมือง และเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมากเมื่อได้รับการออกแบบครั้งแรกโดยเรนโซ เปียโน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ถนนสาธารณรัฐ (Republic Street) เป็นถนนสายหลักในเมืองหลวง Valletta ประเทศมอลตา มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร และมีชื่อเสียงในด้านนิติบัญญัติ ตุลาการ และเชิงพาณิชย์ ส่วนใหญ่เป็นทางเดินเท้า ถนนสาธารณรัฐทอดยาวจากประตูเมืองไปยังยุ้งฉางที่ป้อมเซนต์เอลโม ในเส้นทางด้านล่าง ถนนสายหลักจะตั้งฉากกับถนนอื่นๆ อีกหลายสายตามผังตารางของวัลเลตตา ถนนสายนี้ส่วนใหญ่มีไว้สำหรับคนเดินเท้า โดยมีข้อจำกัดในการใช้ยานพาหนะอย่างมาก โดยอนุญาตให้เฉพาะรถเพื่อการพาณิชย์ขนถ่ายในตอนเช้าตรู่เท่านั้น อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Premier Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางล่องเรือเฟอรี่สู่เกาะโกโซ (Gozo Island) (ระยะทาง 43 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.40 ชม.) ตามตำนานกรีก-โรมันแล้ว เขาว่ากันว่า ที่นี่เป็น เกาะแห่งคาลิปโซ่ (Isle of Calypso) เทพธิดาแห่งท้องทะเล เป็นเกาะที่มีธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นที่นิยมสำหรับนักดำน้ำเป็นอย่างมาก
จากนั้นท่านเดินทางสู่เมืองวิกตอเรีย (Victoria) หรือ เมืองราบัต (Rabat) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในเกาะโกโซ และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นเมืองแห่งมรดกโลกในปี ค.ศ. 1980 อีกด้วย ที่นี่เปรียบเสมือนแหล่งรวมของอารยธรรมโบราณอย่างแท้จริง ตั้งแต่สมัยที่ถูกปกครองโดยโรมัน ชาวอาหรับ ชาวนอร์มัน
นำท่านเดินทางชมป้อมปราการวิคตอเรีย (Victoria Fortress) เป็นเมืองที่มีป้อมปราการโบราณ จึงโดดเด่นในฐานะสถานที่สำคัญของโกโซ ซึ่งเป็นสัญญาณที่มองเห็นได้จากทั่วทั้งเกาะ ป้อมปราการสีเหลืองทอง สร้างขึ้นศตวรรษที่ 17 โดยอัศวินเซนต์จอห์น ถนนทุกสายใน Gozo มุ่งสู่ราบัตหรือที่เรียกว่าวิกตอเรีย ป้อมปราการแห่งนี้มองเห็นได้จากเกือบทุกเกาะโดยตั้งตระหง่านเหนือพื้นที่ชนบทโดยรอบ
จากนั้นนำท่านเดินทางชมอาสนวิหารอัสสัมชัญ (Cathedral of the Assumption) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 เป็นอาสนวิหารนิกายโรมันคาธอลิกในซิตตาเดลลาแห่งวิกตอเรีย ในเมืองโกโซ ประเทศมอลตา อาสนวิหารแห่งนี้อุทิศให้กับการขึ้นสู่สวรรค์ของพระนางมารีย์ และเคยเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลนิกายโรมันคาทอลิกแห่งโกโซนับตั้งแต่ก่อตั้งสังฆมณฑลในปี 1864
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองเมลลิฮา (Mellieha) เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ในภูมิภาคทางตอนเหนือของมอลตา Mellieha ยังเป็นรีสอร์ทท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากหาดทราย สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และมีหมู่บ้าน Popeye ในบริเวณใกล้เคียง
นำท่านเดินทางชมหมู่บ้านป๊อบอาย (Popeye Village) หมู่บ้านจำลองที่สร้างไว้สำหรับเป็นฉากละครเพลงสดเรื่อง ป๊อปอาย ในปี ค.ศ. 1980 เกิดจากความร่วมมือจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์อย่าง Paramount Pictures และ Walt Disney ซึ่งปัจจุบันที่นี่ได้ดัดแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณธ์กลางแจ้ง เป็นแหล่งแห่งการพักผ่อน ให้ครอบครัวพาเด็กๆ มาชมกันอย่างสนุกสนาน ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Premier Hotel **** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางชมเมืองกอสปีกัว (Cospicua) ตั้งอยู่ตรงข้ามเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 16 และ 17 เพื่อเป็นสถานที่หลบภัย และป้อมเฝ้าระวังศัตรู ต่อมาได้พัฒนาให้กลายเป็นเมืองท่าและอู่ต่อเรือที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์โดมแห่งโมสตา (Rotunda of Mosta) สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองกอสปีกัวเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก มีเพียงโบสถ์โดมแห่งโมสตาเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเลย แม้จะมีระเบิดน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ตกลงมาใจกลางโบสถ์ที่มีผู้คนกว่า 300 คนกำลังสวดมนต์กันก็ตาม โชคดีที่ระเบิดดันไม่ทำงาน ทุกคนจึงอยู่รอดปลอดภัยกัน ที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดนับแต่นั้นเป็นต้นมา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่มาร์ซักลอกก์(Marsaxlokk) เมืองประมงแห่งมอลตาอันเลื่องชื่อ หมู่บ้านริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมอลตา นำท่านเดินเที่ยวชมภายในเมืองมาร์ซักลอกก์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 9 ชื่อของหมู่บ้านมาจากคำภาษาอาหรับ “marsa” แปลว่า “ท่าเรือ” และ “xlokk” ซึ่งหมายถึงลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดผ่านที่นี่ ชาวอาหรับได้ก่อตั้งชุมชนประมงขึ้นและสร้างป้อมปราการเพื่อปกป้องเกาะนี้ ในช่วงการปิดล้อมครั้งใหญ่ของมอลตาในปี ค.ศ. 1565 ท่าเรือแห่งนี้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเมื่อกองกำลังออตโตมันเข้ามาใช้พื้นที่นี้เป็นฐาน ก่อนที่จะพยายามยึดครองเกาะจากอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ปัจจุบัน มาร์ซักลอกก์ยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรือประมงหลากสีสันที่เรียกว่า "ลุซซุส" พร้อมดวงตาแห่งฮอรัสที่เชื่อว่าเป็นเครื่องรางปกป้องภัย ยังคงลอยอยู่ในท่าเรือ ตลาดปลาวันอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในมอลตา และอาหารทะเลสดใหม่จากหมู่บ้านนี้ ดึงดูดผู้มาเยือนได้ไม่ขาดสาย สถานที่แห่งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นประวัติศาสตร์มีชีวิต แต่ยังเป็นหัวใจของชาวประมงและนักท่องเที่ยว
นำท่านเดินทางชมแกรนด์ฮาร์เบอร์ (Grand Harbour) ตั้งอยู่บนเกาะมอลตาและเป็นท่าเรือธรรมชาติที่รู้จักกันในชื่อท่าเรือวัลเลตตา ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของท่าเรือแกรนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปิดล้อมครั้งใหญ่ในปี 1565 และสงครามโลกครั้งที่สออง ท่าเรือ และป้อมปราการหลายแห่งที่สร้างขึ้นรอบๆ ท่าเรือได้เพิ่มเสน่ห์ให้กับที่นี่ ปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจอดเทียบท่าตามท่าเรือและท่าจอดเรือต่างๆ และเพลิดเพลินไปกับการผสมผสานระหว่างยุคโบราณและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย การล่องเรือแกรนด์ฮาร์เบอร์ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองเอ็มดินา (Mdina) เมืองหลวงเก่าของมอลตา อายุประมาณ 1,500 – 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งความเงียบ” (The Silent City) เพราะเป็นเมืองที่เล็ก และมีประชากรกว่า 300 คนเท่านั้น ตั้งอยู่บนเนินเขาความสูงประมาณ 150 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างขึ้นในช่วงการปกครองของชาวฟินิเชีย (Phoenician) เมืองนี้ได้รับอิทธิพลของศิลปะยุคกลาง สไตล์เมดิวัล ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างอาหรับ และยุโรป จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายนอกเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีทอง
นำท่านเดินทางเข้าชมประตูเมือง (Mdina Gate) สร้างขึ้นในปี 1724 สถาปัตยกรรมบาโรค นำท่านเดินเที่ยวชมภายในเมืองเก่า และนำท่านเดินทางชมจตุรัสเมสคิตา (Mesquita Square) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ดัง Game of Thornes
จากนั้นนำท่านเดินทางเชมหารเซ็นต์พอล (St..Paul Cathedral) หรือวิหารเอ็มดินา ขึ้นในศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญพอล ต่อมาได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1696-1705 อิสระให้ท่านได้เดินเล่น ถ่ายรูปในเมืองเอ็มดินาได้ตามอัธยาศัย
16.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินมอลต้า
19.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK1372 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
22.45 น. เดินทางมาถึงสนามอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง
01.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK68 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9.45 ชม.) สายการบินบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
15.25 น. เดินทางถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ (Bon Voyage)
กำหนดการ : 12-20 มิ.ย. , 10-18 ก.ค. , 16-24 ต.ค. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 115,000 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 115,000 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 115,000 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 115,000 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 130,000 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 115,000 | - |
เดือนมิถุนายน 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
115,000 | 130,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 |
เดือนกรกฎาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
115,000 | 130,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 |
เดือนตุลาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
115,000 | 130,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 | 115,000 |