ทัวร์แอฟริกา โมรอคโค สวนจาร์ดีน มาจอแรล ทะเลทรายซาฮาร่า ขี่อูฐรับแสงอรุณ นครสีฟ้าเชฟซาอูน 10 วัน 7 คืน สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์

21.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 บริเวณประตูทางเข้าหมายเลข 9 สายการบิน Emirates ROW T เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
01.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK385
* คณะเดินทางวันที่ 23 เม.ย.–2 พ.ค.68 // 2–11 พ.ค.68 เที่ยวบินที่ EK385 ปรับเวลาออกเดินทางเป็น 01.15 น. และถึงดูไบเวลา 04.45 น. 04.55 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ท่านรอเปลี่ยนเครื่อง
07.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK751
* คณะเดินทางวันที่ 23 เม.ย.–2 พ.ค. // 2–11 พ.ค. 2568 ออกเดินทาง เวลา 07.30 น. และถึงคาซาบลังก้า เวลา 12.55 น.
12.40 น. ถึงสนามบินคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมร็อคโค (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง)
นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร คาซาบลังก้า เมืองท่าหลักและ เมืองใหญ่ที่สุดของโมรอคโค มีความหมายในภาษาสเปนว่า “บ้านสีขาว” ปัจจุบันเมืองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
นำท่านเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 นำท่านชมเมืองราบัตเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาในอดีต เมื่อโมร็อคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทาง การเมืองของฝรั่งเศสและเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม
นำท่านชมหอคอยฮัสสัน หรือ สุเหร่าหลวง เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมอันทะเยอทะยานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 โดยหอคอยมีสูงถึง 44 เมตรหรือ 140 ฟุต การก่อสร้างมัสยิดนี้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1191 ตั้งใจว่าหอคอยแห่งนี้จะกลายเป็นมัสยิดและสุเหร่าที่สูงที่สุดในโลกและเพื่อเฉลิมฉลองการรบชนะของอัลมันซูร์ แต่ทว่า เมื่ออัลมันซูร์เสียชีวิตในปี ค.ศ.1199 การก่อสร้างมัสยิดจึงหยุดลง
ชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมร็อคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่าเพื่อประกอบศาสนกิจ
ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x 139 เมตร
แวะถ่ายรูปป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมร็อคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมร็อคโค ในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือโรงแรม
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Hotel Rive หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนและได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ.1956 จนได้รับอิทธิพลวิถีชีวิตและภาษาสเปนในปัจจุบันนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชมนครสีฟ้าเชฟชาอูน ชมบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า ด้วยเพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขา และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ สามารถเดินชมบ้านเรือนได้ทั่วทั้งเมือง โดยที่สถาปัตยกรรมของเมืองยังคงเป็นแบบโมร็อคโค ซุ้มประตูโค้งจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง และยังมีน้ำพุที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบโมร็อคโคให้เห็นได้ตามมุมต่างๆ ของเมือง พร้อมให้ท่านมีเวลาเดินเลือกซื้อของที่ระลึกในตลาดเมืองเก่า
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่เมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่าในช่วงศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อคโค เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน โดยเดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขาจนเข้าสู่เมืองเฟส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือโรงแรม
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก ESCALE Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมเมืองเฟส โดยเดินเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟซ ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีตนำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหารและผัก ผลไม้สดต่างๆนานา
ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม
ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น
แวะชมสุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมร็อคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์
ชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อคโค และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น)
จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น เมืองเฟซจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman City of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ.1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีตซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ.1997
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแมกเนส (Meknes) ชมเมืองแมกเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิแห่งราชวงศอ์ะลาวทิ (Alawite Dynasty) ได้ชื่อเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการ ผลิตมะกอกไวน์และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเฟซ Fez
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือโรงแรม
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ESCALE Hotel หรือเทียบเท่า
** ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็ก เพื่อค้างคืนที่แค้มป์ในทะเลทราย 1 คืน สำหรับวันถัดไป
** หมายเหตุ กรณีที่พักในทะเลทรายห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบสไตล์แคมป์ **
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองอิเฟรน (Ifrane) เมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ.1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมร็อคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองมิเดล (Midelt)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเออร์ฟูด์ (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน
เดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้าร์ (แยกสัมภาระสำหรับค้างคืนในทะเลทราย) โดยนำท่านนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 WD ไปท่องทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ผ่านชมชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหาอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึ่งเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก MERZOUGAR CAMP หรือเทียบเท่า
เช้าตรู่ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า ** พิเศษ รวมค่าขี่อูฐ 1 ท่าน/อูฐ 1 ตัว เป็นบรรยากาศยามเช้าที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม **(กรุณาเตรียมเสื้อกันหนาว)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านนั่งรถ 4WD สู่เมืองเออร์ฟูด์ เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ
จากนั้นเดินทางสู่ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge) ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย
เดินทางผ่านสู่เมืองทินเจียร์ (Tinghir) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งแต่ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิสของต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย เมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาสที่มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว วอซาเซทอาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือโรงแรม
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Karam Palace Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
แวะถ่ายรูป ป้อมทาเริท Kasbah Taourirt เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน พระราชวังของตระกูลกลาวี Glaoui Palace ผู้ปกครองมาราเกซ ซึ่งยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง ซึ่งองค์การยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด
จากนั้นนำท่านออกเดินทางผ่าน เมืองไอท์ เบนฮาดดู Ait Benhaddou เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญที่สุดในโมร็อคโค ภาคใต้ คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู Kasbash of Ait Ben Hadou เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง อาทิ Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วงศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้
นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุคกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ตัวพระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้นมีการวาดลายบนไม้และประดับประดาด้วยโมเสดเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก
จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง Djemaa Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมร็อคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝากของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่าที่อยู่รายรอบจัตุรัส
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Plam Plaza Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล Jardin Majorelle หรือ สวนอีฟแซงต์ โลรองต์ Yves Saint Laurent Gardens ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาว ๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีสประเทศฝรั่งเศส
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) คำว่า 'คาซา' แปลว่า บ้าน และ 'บลังก้า' แปลว่า สีขาว คาซาบลังก้า เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า 'ราชอาณาจักรโมร็อคโค' ด้วยซ้ำ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชมเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) เมืองที่ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca ออกฉายในปี ค.ศ.1942
นำท่านถ่ายรูปกับ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1993 ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมร็อกโกเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่มากจุคนได้ 25,000 คนและมีหอคอยสูง 210 เมตร
ชมโบถส์ชาวยิว (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา ต่อด้วยจัตุรัสสหประชาชาติ ซึ่งเป็นใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Imperial Casablanca Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
11.00 น. นำคณะเดินทางสู่สนามบินคาซาบลังก้า และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.05 น. เดินทางออกจากสนามบินคาซาบลังก้า โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK752
* คณะเดินทางวันที่ 23 เม.ย.–2 พ.ค.68 // 2–11 พ.ค.68 ออกเดินทาง เวลา 14.55 น. และถึงดูไบ เวลา 01.15 น.
01.30 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ท่านรอเปลี่ยนเครื่อง
03.50 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK376
* คณะเดินทางวันที่ 23 เม.ย.–2 พ.ค.68 // 2–11 พ.ค.68 ออกเดินทาง เวลา 03.45 น. และถึงกรุงเทพ เวลา 13.00 น.
12.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ
**โปรแกรมการเดินทางและมื้ออาหารที่ระบุในโปรแกรม อาจจะมีการสลับปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นหลัก รบกวนแจ้งเซลล์ก่อนทำการจองทุกครั้งเพื่ออัพเดทโปรแกรม ณ ปัจจุบัน ในวันนั้นๆโดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ**
***ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (เครื่องบิน ,รถทัวร์ ,รถไฟ) กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อเช็คว่ากรุ๊ปมีการคอนเฟิร์มเดินทางก่อนทุกครั้ง เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณี ถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบิน เพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว***
กำหนดการ : 02-12 พ.ค. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 79,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 92,800 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เดือนพฤษภาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
79,900 | 92,800 | 79,900 | 79,900 | 79,900 | 79,900 |