16.00 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 เคาท์เตอร์ สายการบินไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยให้การต้อนรับ

19.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) ประเทศปากีสถาน โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG349 (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง)

22.10 น. เดินทางถึงกรุงอิสลามาบัด (Islamabad) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำทุกท่านเดินทางไปยังโรงแรมในเมืองอิสลามาบัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง)

ที่พัก IFT Islamabad หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะมุ่งหน้าสู่เมืองชีลาส (Chilas) โดยผ่าน เส้นทางคาราโครัม ไฮเวย์ (Karakoram Highway) หนึ่งในถนนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนที่สูงที่สุดในโลก บางท่านอาจจะรู้จักในชื่อ KKH หรือ N-35 (ทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 35) เป็นถนนที่มีระยะทางรวม 1,300 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างรัฐปัญจาบของประเทศปากีสถาน และประเทศจีน มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 4,700 เมตร ตลอดการเดินทางบนถนนเส้นนี้ทุกท่านจะได้ลัดเลาะหน้าผาสูงสลับทิวเขา นอกจากนี้ยังได้เห็นแนวยอดเขาน้อยใหญ่ รวมถึงยอดเขา K2 อันเลื่องชื่ออีกด้วย การเดินทางจากเมืองอิสลามาบัด ไปยังเมืองชีลาส จะมีระยะทางประมาณ 470 กิโลเมตร

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

เดินทางถึงเมืองชีลาส ซึ่งเป็นเมืองที่มีแม่น้ำสินธุไหลผ่าน และถือเป็นเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม จากนั้นเช็คอินเข้าที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Shangri La Hotel หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พาทุกท่านออกเดินทางสู่เมืองคาริมาบัด (Karimabad) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า เมืองบัลติท (Baltit) ซึ่งเคยเป็นรัฐอิสระที่มีอำนาจปกครองตนเองเป็นเวลานานหลายร้อยปี ตั้งอยู่ระดับความสูง 2,438 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล รวมทั้งเป็นเมืองที่ตั้งของหุบเขาฮุนซ่า (Hunza Valley), ระหว่างทางแวะถ่ายภาพ จุดชมวิวทาลิชิ (Thalichi) เพื่อชมความสวยงามของภูเขาทั้งสามลูก ยอดเขานังกาปาร์บัต (Nanga Parbat Viewpoint) ,ยอดเขาราคาโปชิ Rakaposhi และยอดเขาฮาราโมช Haramosh

นำทุกท่านแวะจุดชมวิวบรรจบ 3 ขุนเขา (The junction of 3 highest mountain viewpoint) เทือกเขาคาราโครัม (Karakoram) เทือกเขาฮินดูกูช (Hindukush) และเทือกเขาหิมาลัย (Himalayas) โดยมีแม่น้ำกิลกิต (Gilgit river) และแม่น้ำสินธุ (Indus river) ไหลมาบรรจบกัน

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

จากนั้นพาทุกท่านเดินทางไปชม ป้อมปราการอัลติท (AltitFort) สัญลักษณ์ทาง ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในแคว้น GilgitBaltistan ที่อยู่คู่กับประเทศปากีสถาน มาอย่างยาวนานถึง 900 ปี ป้อมปราการอัลติทบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตทั้งเรื่องการปกครองและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากดินตั้งอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำฮุนซ่าไม่มีหลังคา สถาปัตยกรรมภายในเรียบง่าย บริเวณด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Serena Altit Fort Residence หรือเทียบเท่า

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันนี้เราจะพาท่านเดินทางไปยังทะเลสาบอัตตาบัต (Attabad Lake) ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่มีความยาวกว่า 20 กิโลเมตร ที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ดินถล่มของภูเขาปิดทางไหลของแม่น้ำฮุนซ่า จึงทำให้ระดับน้ำหลังแนวดินเพิ่มสูงขึ้น และท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง ถนนถูกตัดขาด หลายหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ ต่อมาทางการจีนได้ช่วยสร้างอุโมงค์ผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมกับถนนคาราโครัมใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทะเลสาบอัตตาบัตจึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครมาปากีสถานก็ต้องมาเยือนเพื่อชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ ที่นี่ท่านยังได้มีโอกาสทำกิจกรรมล่องเรือบนทะเลสาบอีกด้วย (รวมค่ากิจกรรมล่องเรือแล้ว)

นำท่านชมสะพานแขวนฮุสไซนี (Hussani Bridge) เป็นสะพานไม้ที่ใช้สำหรับข้ามแม่น้ำฮุนซ่าไปยัง Rawlpindi ในปี 2010 สะพานแห่งนี้เคยถูกทำลายจากน้ำท่วมใหญ่ ในปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้ถูกยกเลิกการใช้งานไปแล้วแต่ได้กลายมาเป็น แลนด์มาร์คสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต่างแวะเวียนมาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย เดินทางต่อไปยังจุดชมวิวพาสสุ (Passu) โดยขึ้นชื่อเรื่องความอลังการของ เทือกเขาพาสสุ (Passu Cones) ยอดเขาฟันเลื่อย (Cathedral Mountain) ที่มียอดแหลมหลายยอดในภูเขาเดียว

แวะชมธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier) ธารน้ำแข็งสีขาวอมเทาที่มีความยาวกว่า 21 กิโลเมตร และ ธารน้ำแข็ง บาตูรา (Batura Glacier) ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซ่า เป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในปากีสถานด้วยความยาวประมาณ 63 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหุบเขาฮุนซ่า

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบปิคนิค

จากนั้นพาทุกท่านเดินทางกลับไปยังเมืองคาริมาบัด เพื่อกลับไปยังที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Serena Altit Fort Residence หรือเทียบเท่า

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน Hopar Valley ซึ่งการขึ้นไปด้านบนนั้นจะต้องเปลี่ยนรถไป นั่งรถจี๊ป (Jeep) แทนเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางในเส้นทางนี้ จุดหมายปลายทางคือการขึ้นไปชมธารน้ำแข็งฮ็อปเปอร์ (HopperGlacier) ธารน้ำแข็งอันเลื่องชื่อที่มีความเก่าแก่จากการทับถมของหิมะมานานหลายร้อยปี จากหิมะสีขาวจนกลายเป็นหินและมีการกล่าวว่ายังเป็นธารน้ำแข็งที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในโลก ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องได้มาชมสิ่งมหัศจรรย์นี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

จากนั้นพาทุกท่านออกเดินทางไปยังป้อมปราการบัลติท (Baltit Fort) โบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเขต กิลกิต-บัลติทสถาน อายุกว่า 800 ปี ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าบริเวณริมหน้าผา แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ปกครองเมือง และต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 ได้มีการปรับปรุงตัวอาคาร เนื่องจากจะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของสินสอดในงานแต่งงานกับเจ้าหญิงจาก Baltistan ภายในบริเวณป้อมปราการบัลติท จะมีหอคอยที่มีชื่อว่า Shikari Tower ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของหุบเขาฮุนซ่าได้ 360 องศา

จากนั้นนำท่านชมตลาดพื้นเมือง (Karimabad Bazaar) ที่นี่ท่านจะได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาชีพปลูกผลไม้เมืองหนาว เช่น แอปเปิ้ล และแอปริคอต เนื่องจากอากาศในหุบเขาแห่งนี้จะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นเมืองมากมายให้ท่านได้เลือกซื้อ

เมื่อถึงเวลาอันสมควรพาทุกท่านเดินทางกลับที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Serena Altit Fort Residence หรือเทียบเท่า

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันนี้พาทุกท่านเดินทางไปยังเมืองกิลกิต (Gilgit) หัวเมืองหลักทางตอนเหนือศูนย์กลางสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นจุดแวะพักที่สำคัญบนเส้นทางสายไหมในสมัยโบราณ ปัจจุบันเป็นจุดเชื่อมต่อหลักตามทางหลวงคาราโครัม

พาทุกท่านแวะตลาดกิลกิต (GilgitBazaar) ตลาดขนาดใหญ่ในตัวเมืองกิลกิตอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น และของฝากไปเป็นของที่ระลึก อาทิ แอปริคอตตากแห้ง ภาชนะเครื่องเคลือบ และพรม นอกจากนี้ยังมีสตรีทฟู้ดให้เลือกซื้อทานกันอย่างจุใจ

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

จากนั้นนำทุกท่านชมพระพุทธรูปคาร์กา (KargahBuddha) ภาพแกะสลักหินของพระพุทธเจ้าบนหน้าผาในหุบเขาคาร์กา (KargahValley) มรดกแห่งพระพุทธศาสนาที่ยังคงเหลืออยู่ในปากีสถานสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Gilgit Serena Hotel หรือเทียบเท่า

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่เมืองเบชาม (Besham) ซึ่งมีระยะทางประมาณ 340 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะชมภาพสลักหินชีลาส (Chilas Rock Carving) ซึ่งเป็นโขดหินที่มีการจารึกภาพเขียนโบราณที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อาทิ งานศิลปะภาพเขียนสถาปัตยกรรมโบราณ ภาพเขียนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมดั้งเดิม และพุทธศิลป์ โดยมีการค้นพบโขดหินเหล่านี้กว่า 20,000 ชิ้น

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

เดินทางถึงเมืองเบชาม เช็คอินเข้าที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Besham Hilton Hotel หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะเดินทางไปยังเมืองตักศิลา (Taxila) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งปัญญา เนื่องด้วยในสมัยโบราณ เมืองตักศิลาเป็นเมืองมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่สุดในชมพูทวีป ปัจจุบันเมืองตักศิลากลายเป็นชุมชนทางพระพุทธศาสนา ที่เหล่าผู้จาริกแสวงบุญนับแสนจะเดินทางมาทุกปี

จุดแรกนำท่านชมพิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum)สถานที่ที่รวบรวมวัตถุโบราณจำนวนมากของเมืองมาจัดแสดงไว้ อาทิ รูปสลัก รูปปูนปั้นศิลปะคันธาระ จิตรกรรมภาพพระพุทธเจ้า และซากสถูปเจดีย์ต่าง ๆ

จากนั้นชมธรรมราจิกา (Dharmarajika) วัดแห่งแรกที่ตั้งขึ้นที่เมืองตักศิลา สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ปัจจุบันเหลือเพียงฐานราก จากการทำลายของนักรบมองโกลเผ่าจีนฮั่นที่บุกเข้ามาเผาทำลาย

ถัดมาแวะชมวัดจูเลียน (Jaulian Monastery) วัดขนาดใหญ่ที่มีประติมากรรมสวยงามโดดเด่นประดับติดอยู่กับสถูปต่าง ๆ ทั้งฐานสถูปองค์กลางและรายรอบ

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

นำท่านชมมัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ซึ่งจัดว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถานและภูมิภาคเอเชียใต้ โดยใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ลักษณะของมัสยิด มองดูคล้ายกับเต็นท์กระโจมแปดเหลี่ยมของชนเผ่าเบดูอินที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย

จากนั้นชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Pakistan Monument) สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวของชาวปากีสถานในยุคโบราณไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เมื่อถึงเวลาอันสมควร นำท่านเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติอิสลามาบัด เพื่อเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ

23.20 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ TG350

06.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

 

หมายเหตุ

**โปรแกรมการเดินทางและมื้ออาหารที่ระบุในโปรแกรม อาจจะมีการสลับปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นหลัก รบกวนแจ้งเซลล์ก่อนทำการจองทุกครั้งเพื่ออัพเดทโปรแกรม ณ ปัจจุบัน ในวันนั้นๆโดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ**

***ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (เครื่องบิน ,รถทัวร์ ,รถไฟ) กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อเช็คว่ากรุ๊ปมีการคอนเฟิร์มเดินทางก่อนทุกครั้ง เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณี ถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบิน เพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว***