ทัวร์ยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อาเล็ทช์ กลาเซียร์ ทะเลสาบใต้ดินเซนท์เลียวนาร์ด ปราสาทไฮเดลเบิร์ก 7 วัน 4 คืน สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์

18.00 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ สายการบิน Emirates โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.25 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 373
00.50 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
03.45 น. ออกเดินทางต่อสู่ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 43
08.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานฟรังค์ฟวร์ทอัมไมน์ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง)
หลังจากนั้นผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัว เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและพาณิชย์ที่สำคัญของเยอรมนี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการธนาคารการเงินและการค้าหุ้นที่สำคัญของประเทศ เดินทางผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt (Main) Hauptbahnhof / Frankfurt Central Station) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5
นำชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก ( Heidelberg) เป็นเมืองที่สุดแสนโรแมนติก ตั้งอยู่บริเวณฝั่งแม่น้ำเน็กคาร์ (Neckar River) อดีตเมืองศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญของเยอรมัน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเยอรมัน ด้วยความสวยงามของเมืองนี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปีต้องมาเยือนเมืองแห่งนี้
แล้วนำท่านผ่านชมย่านการค้าและแหล่งรวมของนักศึกษา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย นำเข้าชมปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเชิงเขาเหนือแม่น้ำเน็กคาร์ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้โดยรอบ โดยตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีแดงซึ่งมีอายุกว่า 900 ปี ชมประตูคืนเดียว (Elisabeth’s Gate) ที่สร้างขึ้นโดยคำสั่งของพระเจ้าเฟเดอริก ที่สร้างเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแด่ พระมเหสี อลิซาเบธ ซึ่งสร้างเสร็จภายในคืนเดียว
จากนั้นชมถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความจุถึง 220,000 ลิตร
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) ที่มี 2 วัฒนธรรม คือฝรั่งเศสและเยอรมนี เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์ก เป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่นชม
นำท่านชมย่านริมน้ำฝรั่งเศสน้อย หรือ La Petite France หรือ Little France เป็นย่านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ที่เกาะใหญ่กร็องดีล (Grande Île) บนถนน Rue des Moulins พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำอิล (River III) ทั้งสี่ด้าน นับว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองสตราสบูร์กที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่สุดของเมืองนี้ ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมบ้านเรือนริมน้ำต่างๆ อีกทั้งยังได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Hotel Origami หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองริควีร์ (Riquewihr) เมืองในเส้นทางสายไวน์แห่งแคว้นอัลซาสที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส
นั่งรถผ่านชมบริเวณไร่องุ่นที่ปลูกกันตามแนวไหล่เขาที่ลดหลั่นไปมา ก่อนนำท่านเข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองเก่าที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศภายในหมู่บ้านจะคล้ายกับเดินเข้าไปเหมือนหลงอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังจะตกแต่ง และประดับประดาด้วยดอกไม้ ตุ๊กตาหรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักๆ เต็มไปหมด
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของไวน์แห่งแคว้นอาลซัส (Capitale des Vins d'Alsace) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงบรรยากาศของเมืองโบราณ โดยเฉพาะในตัวเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยเรือนไม้เก่าแก่ ร้านค้าสวยงาม โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่ อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลางได้อย่างดีสุดแห่งหนึ่งในประเทศ เมืองนี้มีคลองตัดไปมาจนได้รับสมญานามว่า “Little Venice”
นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซ็นต์มาร์ติน (St. Martin church) โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีชมพูทั้งหลัง สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1234 - 1365 ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกอลมาร์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงามโอ่อ่า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย จากนั้นเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านอองกีเชม (Eguisheim) ประเทศฝรั่งเศส หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของแคว้นอัลซาสอีกด้วย ท่านจะได้ชมชมความงดงามไปตามถนนก้อนกรวดอันคดเคี้ยวของหมู่บ้าน และตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของเหล่าอาคาร บ้านเรือน ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ชมความเก่าแก่ของอาคารไม้โบราณที่แต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส ชมลานน้ำพุที่สร้างในแบบเรเนซองส์
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน
นำท่านชมทัศนียภาพของป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า “แบล็ค ฟอเรสต์” สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกากุ๊กกู (Cuckoo Clock) นาฬิกาติดผนังสไตล์วินเทจยอดฮิตของผู้คนทั่วโลก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (ขาหมูและไส้กรอกเยอรมัน)
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรหมแดนเยอรมนีสู่ เมืองไฟร์บูรก์ (Freiburg)
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Stadt Freiburg หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น (Bern) เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลก ในปี ค.ศ.2010 อีกด้วย
นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น
นำท่านเดินลัดเลาะสู่ถนนจุงเคอร์นกาสเซ (Junkerngasse) ถนนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในย่านเมืองเก่า มีบ้านอาคารสไตล์บาโรกตอนปลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารเบิร์น (Bern’s Minster) วิหารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421
จากนั้นเดินสู่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) ทำท่านชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge) อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง
นำท่านเดินชมมาร์คกาสเซ (Marktgasse) ที่เต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200-300 ปี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) ที่มีทะเลสาบทูน และทะเลสาบเบรียนซ์ขนาบทั้งสองข้างจากจุดชมวิวทิวทัศน์ของยอดเขา
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางลงจากเขาสู่ เมืองอินเตอร์ลาเกน (Interlaken) อิสระให้ท่านได้ได้เดินเล่นภายในเมือง สัมผัสบรรยากาศ และธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองซียง (Sion)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Moxy Sion หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านขึ้น กระเช้าสู่ยอดเขาเอกกิสฮอร์น (Eggishorn) ยอดเขาเอกกิสฮอร์นนั้นเป็นยอดเข้าที่ตั้งอยู่ในเขตของ Jungfrau-Aletsch-Bietschhorn รัฐ Valais มีความสูงของยอดเขาอยู่ที่ 2,927 เมตร โดยยอดเขาเอกกิสฮอร์นนั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวในการมาชมวิวธารน้ำแข็งยักษ์อาเล็ทช์ กลาเซียร์ เพราะเนื่องจากเป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่สูงสุดที่จะสามารถชมวิวธารน้ำแข็งยักษ์ อาเล็ทช์ กลาเซียร์ ได้ โดยทั่วไปแล้วการขึ้นชม อาเล็ทช์ กลาเซียร์ นั้นสามารถขึ้นชมได้ทั้งหมด 3 ทาง ซึ่งจะมีระดับความสูงจะลดหลั่นกันไปตามแต่ละจุดดังนี้ 1. จุดชมวิว Moosfluh มีความสูงอยู่ที่ 2,333 เมตร 2. จุดชมวิวBettmerhorn มีความสูงอยู่ที่ 2,647 เมตร และ 3.จุดชมวิว Eggishorn มีความสูงอยู่ที่ 2,869 เมตร
** ในกรณีที่ไม่สามารถขึ้นจุดชมวิว Eggishorn ได้ ทางบริษัทจะเปลี่ยนไปจุดชมวิวอื่นแทน **
นำท่านชม มหาธารน้ำแข็งยักษ์อาเล็ทช์ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ มีความยาวประมาณ 23.6 กิโลเมตร พื้นที่โดยรวมกว่า 100 กิโลเมตร ถูกค้นพบเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 โดยธารน้ำแข็งนี้เกิดขึ้นจากการบรรจบกันของธารน้ำแข็งขนาดย่อย 4 สาย อันได้แก่ ธารน้ำแข็งโกรเซอร์อาเล็ทช์เฟียร์น (Grosser Aletschfirn), ธารน้ำแข็งจุงเฟราเฟียร์น (Jungfraufirn) , ธารน้ำแข็งเอวิกชเนเฟ็ลท์ (Ewigschneefäld) และธารน้ำแข็งกรุนเน็คเฟียร์น (Grüneggfirn) ให้ท่านได้สัมผัสกับความงดงามของมหาธารน้ำแข็งสีขาวที่มาบรรจบกับท้องฟ้าสีฟ้า ประกอบกับทิวทัศน์อันสวยงามที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ โดยในวันที่อากาศดีท่านอาจจะได้เห็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงต่างๆของสวิตเซอร์แลนด์ เช่น ยอดเขาจุงเฟราหรือยอดเขามัตเตอร์ฮอร์นอีกด้วย โดยสถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆของสวิตเซอร์แลนด์และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปีค.ศ. 2001
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองทาช Tasch เพื่อนำท่านนั่งรถไฟชัตเติ้ลเข้าสู่เซอร์แมท Zermatt เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
นำท่านนั่งรถไฟฟันเฟืองสู่ สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway)
เดินทางสู่จุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่สวยงาม โดยท่านสามารถเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็นเงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก
(โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง)
สมควรแก่เวลานำท่นานเดินทางกลับสู่เมืองซียง
ค่ำ อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก นำนำท่านเข้าสู่ที่พัก Moxy Sion หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชมทะเลสาบใต้ดิน (Saint-Léonard underground lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่อยู่ในถ้ำใต้ดิน โดยเป็นทะเลสาบใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ ระหว่าง Sion และ Sierre ใจกลางเทือกเขา Valais Alps ทะเลสาบใต้ดินที่ใช้เดินเรือได้แห่งนี้ความพิเศษถึงการก่อตัวของเทือกเขาแอลป์ ซ่อนตัวอยู่บนไหล่เขาลึกระหว่าง 30 ถึง 70 เมตรใต้ไร่องุ่น ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาว 300 เมตร เป็นทะเลสาบใต้ดินตามธรรมชาติและสามารถเดินเรือได้
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่า “ริเวียร่าของสวิส” ให้ท่านได้ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ
นำท่านชมภายนอก ปราสาทชิลยอง (Chillon castle) โดยปราสาทแห่งนี้ เป็นปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านเที่ยวชม เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา
นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792
ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย
ท่านชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง
นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ
17.00 น. ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานซูริค เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
22.15 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 86
06.25 น. เดินทางถึง สนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 372
19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ
**โปรแกรมการเดินทางและมื้ออาหารที่ระบุในโปรแกรม อาจจะมีการสลับปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นหลัก รบกวนแจ้งเซลล์ก่อนทำการจองทุกครั้งเพื่ออัพเดทโปรแกรม ณ ปัจจุบัน ในวันนั้นๆโดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ**
***ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (เครื่องบิน ,รถทัวร์ ,รถไฟ) กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อเช็คว่ากรุ๊ปมีการคอนเฟิร์มเดินทางก่อนทุกครั้ง เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณี ถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบิน เพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว***
กำหนดการ : 08-15 พ.ค. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 79,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 79,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 93,800 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | - | - |
เดือนพฤษภาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
79,900 | 93,800 | - | 79,900 | 79,900 | 79,900 |